วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

อุมัรที่ 2 (ฮ.ศ.99-101 ค.ศ.717-720).

อุมัรที่ 2 (ฮ.ศ.99-101 ค.ศ.717-720).

ชีวิตในตอนต้น
อุมัรเป็นโอรสของอับดุลอาซีซผู้เป็นอนุชาของอับดุลมาลิก บิดาของท่านเป็นผู้ครองอียิปต์มาเป็นเวลานาน และมารดาของท่านเป็นหลานปู่ของเคาะลีฟะฮอุมัรที่
1 เมื่อบิดาของท่านสิ้นชีวิตลง ( คศ. 704 ) อับดุลมาลิกซึ่งเป็นลุงของท่านได้เรียกเขาไปที่เมืองดามัสกัส และยกธิดาให้แต่งงานกับท่าน ในระหว่างในสมัยของวะลีดผู้สืบต่อจากอับดุลมาลิก อุมัรได้ถูกส่งไปเป็นผู้ปกครองแคว้นหิยาช ในไม่ช้าการปกครองอย่างละมุนละหม่อม และอุปนิสัยใจคอประกอบไปด้วยคุณธรรมของท่านก็เอาชนะใจประชาชนได้ และพวกนักปฏิบัติแห่งอีรักซึ่งหลบหนีมาจากการกดขี่ของฮัจญาจญ์ บิน ยูซุฟก็เข้ามาพึ่งบารมีของเขา ฮัจญาจญ์มีความโกรธแค้นเป็นอันมากจึงขอให้อุมัรถอนตัวจากตำแหน่งผู้ครองฮิญาซเสีย เมื่อเขาปฏิเสธฮัจญาจญ์ก็ฟ้องไปยังเคาะลีฟะฮจึงเรียกตัวเขากลับไป


เมื่อสุลัยมานสิ้นชีพลง อุมัรก็ได้เป็นเคาะลีฟะฮแห่งอาณาจักรอิสลาม ในระหว่างรัชสมัยของท่าน พวกคอวาริจญ์ ไม่กล้าตั้งตัวแข็งข้อคนเหล่านี้ไม่มีอะไรที่ไม่พอใจในการปกครองของท่าน เพียงแต่คัดค้านการที่สุลัยมาน ได้แต่งตั้งให้ยะซีดเป็นผู้สืบต่อจากอุมัร ในระหว่างนี้ยะซิด บิน มุฮัลลับ
(Yazid bin Muhallab ) ได้กระทำผิดบางอย่าง อุมัรจึงให้จำขังไว้และสั่งให้กองทัพของท่านถอนตัวจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล และการทำสงครามตามพรมแดน จึงเป็นอันชะงักไป

ในปี ฮศ
. 101 หรือ คศ. 719 อัซซุมห์ (As – Sumh ) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพในสเปน เพื่อยกกองทัพไปยังฝรั่งเศสเพื่อปราบกบฎคริสเตียน เมื่อได้จัดตั้งรัฐบาลและสร้างความสงบขึ้นได้ อัซซุมห์ก็ยกกองทัพข้ามเทือกเขา พิเรนิส ( Pyrenees ) และยึดจังหวัดภาคใต้ของฝรั่งเศส ได้ยกกองทัพไปยังเมือง ตูลูส ( Toulouse ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของออวิเตนอ ( Aquitaine ) จึงเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงขึ้นจนแม่ทัพมุสลิมถูกฆ่าตาย อับดุลเราะห์มาน( Abdurrahman )จึงทำหน้าที่แม่ทัพแทนและนำทัพกลับมาได้อย่างมีชัย

ลักษณะของการปกครองของอุมัรที่ 2
ทรงแต่งตั้งในบุคคลสำคัญ ๆ ขึ้นครองตำแหน่งสูง ๆ โดยเลือกเอาผู้ที่เที่ยงธรรม และซื่อตรงเป็นสำคัญ ทรงแต่งตั้งอัซซุมห์ บิน มาลิกชาวยะมันให้เป็นผู้ปกครองสเปนและแต่งตั้ง อิสมาอีล บิน อับดุลลอฮ (lsmail bin Abdullah ) ให้เป็นผู้ปกครองของอัฟริกา เพราะท่านทรงทราบว่าคนทั้งสองนี้ไม่ได้เป็นพวกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดและมีจิตใจเมตตาต่อผู้ถูกกดขี่ ทรงมีความกรุณาปราณีต่อครอบครัวของอะลี โดยสั่งเลิกการกล่าวประณามท่านอะลีในการนมาซร่วมในวันศุกร์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมานั้น เสีย และยกส่วนฟะดัก (Fadak) ซึ่งมัรวานได้ยึดไว้กลับคืนให้กับครอบครัวของท่านศาสดา


นโยบายด้านศาสนาของท่าน

อุมัรที่ 2
เป็นมุสลิมที่เคร่งครัด เพื่อที่จะเผยแพร่อิสลามท่านได้ทรงใช้นโยบายใหม่ในแคว้นคูราซานและเอเชียกลาง นโยบายนั้นก็คือ (ใครมารับอิสลามก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เมื่อผู้ปกครอง อียิปต์ร้องทุกข์ว่าเงินรายได้ตกต่ำลง เพราะมีผู้มารับอิสลามมากมาย ท่านอุมัรที่ 2 ทรงตอบว่า อัลลอฮทรงส่งศาสดามาเป็นผู้สั่งสอนศาสนาไม่ใช่เป็นคนเก็บภาษี ในแคว้นคูซาน พวกเจ้าหน้าที่ทดลองความตั้งใจจริงของผู้มาเข้ารับอิสลามโดยให้ทำการสุนัต ท่านก็ทรงสั่งห้ามเสียโดยกล่าวว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด ( ศ็อล ฯ ) ถูกส่งมาเพื่อเรียกร้องผู้คนให้มีการศรัทธาต่ออิสลาม มิใช่ถูกส่งมาให้ทำการสุนัตพวกเขา

ในขณะเดียวกันท่านทรงปกครองชาวคริสเตียน แต่ก็ไม่ทรงอนุญาตให้พวกเขาสร้างโบสถ์ขึ้นใหม่
การปฏิรูปของท่านวัตถุประสงค์ของท่านคือจะผนึกกำลังของรัฐบาลให้เป็นปึกแผ่น เนื่องด้วยอาณาจักรอิสลามประกอบด้วยประชาชนหลายชาติหลายศาสนา ท่านทรงเล็งเห็นว่ากำลังของอาณาจักรจะเข็มแข็งไปไม่ได้ถ้าประชาชนต่าง ๆ เหล่านั้นไม่มีความประสงค์ดีต่อกัน และไม่ร่วมมือกัน พวกมะลาวี (Malawi ) คือพวกมุสลิมใหม่นั้นต่อสู้เข้าข้างฝ่ายมุสลิม และพวกเขาไม่ได้รับความเสมอภาคทางการเงินเท่าเทียมกับพวกมุสลิมอาหรับ ผลก็คือคนเหล่านั้นจะหันเหไปทางรัฐบาลอุมัยยะฮ์ เมื่อท่านทรงเป็นเคาะลีฟะฮจึงพยายามที่จะกำจัดความไม่เสมอภาคนี้เสียระหว่างมุสลิม ชาวอาหรับกับชาวมุสลิมที่ไม่ใช่ชาวอาหรับ ท่านยังทรงจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่เด็ก ๆ ลูกชาวอาหรับที่เป็นนักรบซึ่งเงินนี้เคยถูกมุอาวิยะฮ์ตัดลงให้เหลือน้อยและอับดุลมาลิกสั่งงด ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นมุสลิมที่เคร่งครัดก็ตาม แต่ก็ไม่วายที่จะทรงมีเมตตาปราณีต่อคนศาสนาอื่นที่อยู่ในอาณาจักรของท่าน เมื่อชาวคริสเตียนในเมืองดามัสกัสร้องเรียนต่อท่านขอให้คืนโบสถ์เซ็นต์จอห์นซึ่งเคาะลีฟะฮวะลีดได้เปลี่ยนเป็นมัสยิดให้แก่พวกเขา ท่านไม่สามารถที่จะทำตามคำขอร้องของพวกเขาได้ แต่ก็ได้ทรงอนุญาตให้คนเหล่านั้นใช้โบสถ์เซ้นต์โธมัสซึ่งแต่ก่อนพวกเขาไม่มีสิทธิ์ใช้แทน ซึ่งชาวคริสเตียนแห่งเมืองนัจญ์รอนร้องทุกข์ว่าพวกเขาต้องเสียภาษีสูงมาก ท่านก็ทรงสั่งให้ลดลงหนึ่งในสิบของที่เคยเสียมาแต่ก่อน


การปฏิรูป
รายได้แผ่นดิน
ท่านได้ทรงหาทางทำให้สภาพด้านเศรษฐกิจของรัฐเข็มแข็งขึ้น พวกมุสลิมมักจะซื้อที่ดินจากพวกที่ไม่ใช่มุสลิม เป็นเหตุให้คนเหล่านั้นต้องอพยพเข้ามาอยู่ในเมืองกันมากขึ้น จึงทรงสั่งให้ออกกฎหมายว่า นับตั้งแต่นั้นต่อไปที่ดินต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นของที่ไม่ใช่มุสลิม พวกที่เป็นมุสลิมไม่ควรจะซื้อมา มุสลิมได้รับการยกเว้นจากการเสียภาษีทุกอย่างนอกจากซากาต รายได้ของรัฐลดน้องลงเพราะมีผู้เข้ามารับอิสลามกันมาก ผลก็คือรายได้ของรัฐตกต่ำลง ท่านจึงทรงสั่งให้เก็บภาษีจากมุสลิม และผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ก็ต้องเสียภาษีรัชชูปการเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่ตนได้ความปกป้องคุ้มครองจากมุสลิม รัฐจึงมีรายได้เพิ่มขึ้น นักวิทยาศาสตร์หลายคนกล่าวว่า มาตรการหลายอย่างของอุมัรที่ 2 เป็นผลกระทบกระเทือน ต่อความมั่นคงของราชวงศ์อุมัยยะฮ์และเป็นต้นเหตุของการโค่นล้มของราชวงศ์นี้ นโยบายของศาสนาของท่านทำให้รายได้ของแผ่นดินลดน้อยลง ชาวเบอร์เบอร์และเปอร์เซียจำนวนมากมาเข้ารับอิสลาม แต่เพราะต้องการได้รับสิทธิพิเศษในฐานะเป็นมุสลิมเท่านั้น อันที่จริงไม่ต้องสงสัยเลยว่านโยบายด้านศาสนา ของท่านจะไม่ได้ทำให้รายได้ของรัฐลดน้อยลงแต่เราก็ไม่ควรตัดสินท่านด้วยจุดนี้ เพราะเมื่อท่านได้ทรงทราบถึงผลกระทบกระเทือนก็ได้ทรงหาทางแก้ไขกล่าวมาแล้ว
อุมัรที่ 2 ทรงเลิกความคิดที่จะขยายอาณาเขตออกไปให้มากขึ้น ท่านทรงเห็นความสำคัญในการทำนุบำรุงดินแดนที่ได้มาครอบครองแล้วให้เจริญรุ่งเรืองมากกว่าที่จะขยายอาณาเขตให้กว้างไกลออกไปอีก ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมิได้ทรงสนพระทัยในการทำนุบำรุงด้านการทหาร

ท่านทรงเป็นผู้ที่มีจิตใจเสรี ทรงประสงค์ที่จะเชื่อมช่องว่าง ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกคราองซึ่งเคยมีมาในรัชสมัยที่แล้ว ๆ มานั้นเสีย ด้วยเหตุนี้จึงทรงพยายามที่จะให้สิทธิแก่พวกมะลาวี และครอบครัวของท่านทรงเมตตาต่อพวกมุสลิมใหม่ และครอบครัวของท่านอะลี แต่การที่ท่านทรงเมตตาต่อพวกมุสลิมใหม่ และครอบครัวของท่านอะลีนี้ก็เป็นผลร้ายต่อราชวงศ์อุมัยยะห์ในด้านการเมือง เพราะการให้สิทธิแก่พวกมะยาวีนี้ทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจในสถานภาพของตนและเป็นการให้เวลาและโอกาสมากมายแก่ฝ่ายมาเป็นพรรคพวกของท่านอะลีที่จะรวบรวมอำนาจขึ้นมาใหม่ในกาลต่อมา คนเหล่านี้ได้เข้าร่วมกับฝ่ายราชวงศ์อุมัยยะห์ อันเป็นฝ่ายที่มีบทบาทอันสำคัญในการทำให้ราชวงศ์นี้ต้องโค่นล้มลง

ถึงกระนั้นก็ตาม เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเคาะลีฟะห์อุมัรที่
2 มิได้ทรงทำประโยชน์แก่อาณาจักรอิสลาม การบริหารแผ่นดินของท่านเป็นไปอย่างยุติธรรมและไม่ลำเอียงท่านทรงพยายามกำจัดความทุจริตคดโกงซึ่งได้แทรกแซงเข้าไปในสังคม ในระหว่างสมัยของกษัตริย์ที่แล้ว ๆ มา ท่านทรงลบล้างความแตกต่างระหว่างมุสลิมชาวอาหรับกับมุสลิมที่มิใช่ชาวอาหรับ ทั้งมุสลิมและผู้ที่มิใช่มุสลิมต่างก็มีความสุข อยู่ภายใต้การปกครองของท่าน
            เคาะลีฟะฮอุมัรที่ 2 สิ้นชีพได้เมื่ออายุได้ 35 ปี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ คศ. 720

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น