วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563

บัรซีซอ

            แท้จริงในชาวบนีอิสรออีลมีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นนักบวช  มีนามว่า บัรซีซอ เขาอาศัยอยู่ในวิหารแห่งหนึ่ง ทำอีบาดัตอยู่ในวิหาร 70 ปี  ไม่เคยทำมะซียัตต่ออัลลอฮ์และเป็นผู้ที่อัลลอฮ์ทรงรับดุอาอ.ทีเขาขอ  บรรดาผู้คนจะพาคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยมาหาเขา เพื่อที่จะให้เขาช่วยดุอาอ.ต่ออัลลอฮ์ขอให้หายอยู่เสมอ  ซึ่งคนป่วยเหล่านั้นล้วนแล้วก็หายด้วยคำขอของเขาด้วยการอนุมัติของอัลลอฮ์
          เมื่อเป็นเช่นนั้น  อิบลิสจึงได้เรียกให้บรรดาชัยฎอนมาประชุมกันว่า :  ใครที่จะเป็นอาสาสมัครไปหลอกหลอนเขาผู้นี้ แท้จริงบัรซีซอผู้นี้ แท้จริงเขาทำให้พวกเราเหนื่อยเหลือเกิน ซึ่งขณะนั้นมีผีตนหนึ่งจากชัยฎอนพูดขึ้นว่า : ฉันจะเป็นคนไปหลอกหลอนเขาเอง  และหากว่าฉันนั้นไม่สามารถที่จะหลอกหลอนเขาได้ล่ะก็  ฉันก็จะไม่เสนอหน้ากับท่านอีกต่อไป  ดังนั้นอิบลิสจึงตอบว่า : เขาเป็นหน้าที่ของท่าน  ฉนั้นผีตนนั้นจึงได้ออกเดินทางจนกระทั่งไปถึงวังของกษัตริย์ของพวกบนีอิสรออีลองค์หนึ่ง ซึ่งมีลูกสาวที่สวยเลิศที่สุด  ซึ่งนางได้นั่งอยู่พร้อมกับพ่อ แม่ และบรรดาพี่น้องของนาง  ดังนั้นผีตนนั้นจึงได้อำหญิงสวยคนนั้น  จนทำให้นางวิกลจริตประหนึ่งว่าเป็นบ้า จนทำให้ญาติพี่น้องพากันตกใจอย่างมาก  และนางกลายเป็นคนวิกลจริตอยู่อย่างนี้หลายวัน  หลังจากนั้นผีตนนั้นก็ได้แปลงตัวมาหาครอบครัวของหญิงสวยคนนั้นในรูปของสามัญชน  และได้บอกกล่าวแก่ครอบครัวของนางว่า :
                ถ้าหากว่าพวกท่านต้องการที่จะให้นางหายวิกลจริตล่ะก็  พวกท่านจงพานางไปหานักบวชคนหนึ่งให้เขาช่วยเหลือและขอดุอาอ.ให้หายวิกลจริต   เมื่อเป็นเช่นนั้น  พวกเขาจึงพานางไปหานักบวชและเขาจึงดุอาอ.ให้นางหายจากวิกลจริต   และครั้นเมื่อนำนางกลับมาบ้านนางก็เป็นเหมือนเดิมอีก  และผีตนนั้นก็ได้มาหา และกล่าวกับพวกเขาว่า : หากว่าพวกท่านต้องการที่จะให้นางหาย พวกท่านจะต้องทิ้งนางให้อยู่กับนักบวชหลาย ๆ วัน  ดังนั้นพวกเขาจึงไปหานักบวชอีกรอบและปล่อยนางไว้ให้อยู่กับนักบุญแต่นักบวชปฎิเสธไม่รับ  สุดท้ายนักบวชทนการรบเร้าไม่ไหวจึงยอมรับนางไว้  ซึ่งนักบวชนั้นถือบวชประจำ และดำรงละหมาดเป็นเนืองนิตย์ จนไม่เปิดโอกาสให้ชัยฎอนหลอกหลอน  และครั้นเมื่อนักบวชนั่งเพื่อที่จะทานอาหาร  ผีก็ได้อำหญิงสาว และได้เปิดเผยส่วนต่าง ๆ ให้นักบวชได้เห็นและนักบวชก็ได้ผินหน้าเบือนไปทางอื่นและเหตุการณ์นั้นก็ผ่านไป  และในวันหนึ่งนักบวชได้เห็นใบหน้าและร่างกายของนางโดยที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน  จนทำให้นักบวชทนไม่ไหวและตบะแตก จนกระทั่งเขาได้เข้าใกล้นางและร่วมสมสู่กับนาง และทำให้นางตั้งท้อง
             หลังจากนั้นชัยฎอนก็ได้มาหานักบวชคนนั้น และกล่าวกับเขาว่า : แท้จริงท่านได้ทำให้ลูกสาวเขาท้อง แน่แท้ว่าท่านคงหนีไม่พ้นโทษจากกษัตริย์ ที่ท่านได้ทำกับกับลูกสาวของเขาท้อง  นอกเสียจากว่าท่านจะฆ่านางเสียและฝังนางไว้ในวิหารแห่งนี้  และเมื่อครอบครัวของนางมาถามหา  ท่านก็บอกพวกเขาไปว่า ได้เกิดเหตุขึ้นกับนางจนทำให้นางตาย และพวกเขาก็จะเชื่อท่านอย่างแน่นอน  นักบวชจึงได้ลุกไปหานางและได้ฆ่านางแล้วฝังไว้ในวิหาร และเมื่อครอบครัวของนางมาถามหา  นักบวชจึงบอกว่านางตายแล้ว  และพวกเขาก็เชื่อและพากันกลับไป 
             และครั้นชัยฎอนก็ได้ไปหาครอบครัวของหญิงสาว และแจ้งแก่ครอบครัวของนางว่า : แท้จริงนักบวชนั้นได้สมสู่กับนางจนนางท้อง และเมื่อเชากลัวว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา  เขาก็ได้ฆ่านางและฝังนางไว้ในวิหาร    เมื่อเป็นเช่นนั้นกษัตริย์องค์นั้นก็ได้ยกกำลังคนไปหานักบวช  และได้ไปขุดหาศพของลูกสาวเจอและพบว่านางถูกฆ่าตาย  พวกเขาจึงได้จับนักบวชแขวนขึงพืด  หลังจากนั้นชัยฎอนก็มาหานักบวช  และพูดว่า : แท้จริงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับท่านนั้นเป็นฝีมือฉันเอง  และฉันนั้นจะช่วยปลดปล่อยท่าน โดยฉันจะบอกกับพวกเขาว่า  ที่ฆ่านางไม่ไช่ท่านที่ฆ่านางตาย  ขอเพียงแค่ท่านนั้นยอมกราบฉันหนึ่งครั้งนอกจากอัลลอฮ์
            นักบวชจึงพูดว่า : แล้วฉันจะกราบท่านได้อย่างไรเล่าในเมื่อฉันอยู่ในสภาพนี้ ขอเพียงให้ท่านนั้นพยักศีรษะเพื่อเป็นการบ่งชี้ว่าท่านนั้นกราบฉัน ฉันก็พอใจแล้ว  ดังนั้นนักบวชคนนั้นจึงยอมก้มศีรษะกราบชัยฎอนหนึ่งครั้ง   และชัยฎอนก็กล่าวว่า : แท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากท่าน

ดังคำตรัสของอัลลอฮ์ตาอาลาที่ว่า :


 كمثل الشيطان إذ قال للإنسان اكفر فلما كفر قال إني برئ منك إني أخاف الله رب العالمين ، فكان عاقبتهما أنهما في النار خالدين فيها و ذلك جزاؤا الظالمين
                   
   الآية 16 و 17 من سورة الحشر

              ความว่า   ประหนึ่งเช่นชัยฎอนเมื่อมันกล่าวแก่มนุษย์ว่า จงปฎิเสธศรัทธาเถิด ครั้นเมื่อเขาได้ปฎิเสธศรัทธาแล้วมันจะกล่าวว่า  แท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากท่าน แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ พระเจ้าแห่งสากลโลกดังนั้นแท้จริงบั้นปลายของพวกเขาทั้งสองคือ  พวกเขาทั้งสองจะอยู่ในนรกเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลและนั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้อธรรม   อัล ฮัชร.  16 – 17


เรื่องราวของ บัลอัม บิน บาอูรออ์
  وَاتْلُ عَلَيْهِمْ نَبَأَ الَّذِيَ آتَيْنَاهُ آيَاتِنَا فَانسَلَخَ مِنْهَا فَأَتْبَعَهُ الشَّيْطَانُ فَكَانَ مِنَ الْغَاوِينَ   قال الله تعالى
الاعراف  ۱۷۵   
             ความว่า และจงอ่านให้พวกเขาฟัง ซึ่งข่าวของผู้ที่เราได้ให้บรรดาโองการของเราแก่เขาแล้วเขาได้ถอนตัวจากโองการเหล่านั้น แล้วชัยฎอนก็ติดตามเขา ดังนั้นเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้หลงผิด     อัลอะรอฟ  175
            โองการนี้นักอรรถาธิบายอัลกุรอาน ได้กล่าวว่า บุคคลที่ถูกเอ๋ยในโองการข้างต้น คือ บัลอัม บินบาอูรออ์ ซึ่งเขาเป็นอุลามาอ์ ผู้ที่มีวิชาความรู้ดีของพวกยิว บัลอัมมีพระนามที่ยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์  เขาสามารถที่จะขอด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ไม่ว่าอะไรเมื่อไหร่จากอัลลอฮ์ก็ได้ และไม่ว่าเขาจะขออะไรก็ตาม อัลลอฮ์ทรงตอบรับคำขอของเขาในฉับพลัน  ในตัฟซีร อัลกุรฎูบีย์ ได้กล่าวว่า บัลอัมเป็นพวกบนีอิสรออีล (พวกยิว) ในสมัยของท่านนบีมูซา อาลัยฮิสลาม  เมื่อเขาเงยหน้ามองเขาสามารถมองเห็นอารัชดังความหมายที่ว่า   
وَاتْلُ عَلَيْهِمْ نَبَأَ الَّذِيَ آتَيْنَاهُ آيَاتِنَا
           ในสำนักของบัลอัมมีนักบวช 12000 คนที่เป็นสานุศิษย์ของเขา  และจุดเริ่มต้นของบัลอัม ก็คือ การตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตัวเอง โดยการหลงต่อดุนยา มันเป็นสิ่งผลักดันให้บัลอัมยอมที่จะขอดุอาให้มีสิ่งประสบกับท่านนบีมูซา ซึ่งบรรดาพวกที่มาขอร้องให้บัลอัมขอดุอาในครั้งนั้นได้มอบของกำนัลและของขวัญให้แก่เขา  และบัลอัมก็ได้ขอดุอาให้มีสิ่งประสบแก่ท่านนบีมูซา  แต่ทว่าดุอาที่บัลอัมขอนั้นได้ย้อนกลับมาหาตัวของเขาเอง ซึ่งทำให้บัลอัมประสบกับชะตากรรม ลิ้นห้อยยานออกมาจนถึงหน้าอก สุดท้ายเขาต้องกลายเป็นผู้ที่หลงผิด نعوﺫ بالله من ﺫلك