การพิชิตเมือง อันดาลุส
อิสลามเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ที่ถูกประทานลงจากพระองค์อัลลอฮ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ท่านนบีมูฮัมหมัด เป็นผู้ที่ยึดถือศาสนาอิสลาม และเคารพภัคดีต่ออัลลอฮเป็นท่านแรก และเป็นผู้เรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ชาติไปสู่ศาสนาของพระองค์ โดยนำเอาอัล กุรอาน และคำสอนและแบบฉบับของท่านใช้ในการเผยแพร่ หน้าที่ของท่านก็คือปฏิบัติตามอัลกุรอาน และนำมาเผยแพร่ให้แก่มนุษย์ชาติได้ปฏิบัติตาม
ดังนั้นความประพฤติ การปฏิบัติต่างๆของท่าน จึงมาจากอัลกุรอาน และแบบฉบับของท่านทั้งสิ้น ท่านได้นำเอาอัลกุรอาน และคำสอนของท่าน อบรมสั่งสอนบรรดาสาวกของท่าน และบรรดาผู้ที่มาหลังจากบุคลเหล่านั้น ก็ได้นำเอาแบบฉบับต่างๆของสาวกเหล่านั้นไปปฏิบัติ
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ชาวโลกจึงยอมรับการปกครองของพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่มิได้หมายความว่า พวกเขาจะได้รับการปกป้องให้พ้นจากความผิดพลาด พวกเขาอาจผิดพลาดได้แต่ทว่าเมื่อเขาผิดพลาดแล้ว เขากลับเข้าหาความถูกต้อง ดังนั้นความผิดพลาดของพวกเขาจึงจัดอยู่ภายใต้ความดีของพวกเขา
อัลลอฮ์ทรงรักษาศาสนาของพระองค์
อัลลอฮ์ทรงรักษาวิธีการการเรียนรู้ศาสนาอิสลาม จากตัวบทของอัลกุรอาน และซุนนะห์ ของท่านรอซูล โดยให้ผู้ที่มีความรู้ได้ถ่ายทอดให้กับผู้อื่น วิธีการนี้ยังเป็นที่รู้จักดีจนกระทั้งทุกวันนี้ แม้ว่าบางครั้งผลลัพธ์ของมันอาจจะมีน้อยบ้างก็ตาม แต่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่ได้ผล เพราะว่าตำรับตำราต่างๆที่นักวิชาการได้เขียนขึ้นมานั้น เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเข้ารับนับถืออิสลาม ทั้งๆที่การดำเนินชีวิตที่แท้จริงของมุสลิม และระบบการปกครองของประเทศอิสลามนั้น มันไม่ได้ช่วยส่งเสริมในการเผยแพร่อิสลามเท่าใดนัก อันเนื่องมาจากการปกครองตามระบอบอิสลามอย่างถูกต้องนั้น มันเป็นทฤษฎีที่รู้อยู่เฉพาะนักพูดและนักเขียนเท่านั้น โดยไม่ได้ถูกนำเอาไปปฏิบัติ แต่ที่น่ายินดีก็คือ ในเรื่องการทำอิบาดะห์ต่างๆ ระบบการเงิน และการใช้ชีวิตในครอบครัวของมุสลิมนั้น นับว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่า ระบบการปกครองมาก แม้ว่าจะมีจุดบกพร่องอยู่หลายๆจุดก็ตาม
การพิชิตที่ยิ่งใหญ่
ในศตวรรษแรกของศักราชอิสลาม เริ่มตั้งแต่สมัยของท่านนบี สมัยคอลีฟะห์ อัรรอชีดีน จนถึงสมัยอนาจักร อะมาวียะห์ จะพบว่าช่วงเวลาดังกล่าวเต็มไปด้วยการพิชิตการเปิดเมืองต่างๆ ซึ่งทำให้ศาสนาอิสลามได้แพร่ขยายไปอย่างกว้างไกล เมืองหนึ่งที่ศาสนาอิสลามได้เข้าไปปกครองก็คือ เมือง อันดาลุส ( ประเทศสเปนในปัจจุบันนี้) เมืองนี้ถูกพิชิตได้โดยการนำทัพของ ฏอริก อิบนุซิยาด ในปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 92 และตกอยู่ภายใต้การปกครองของอิสลามนานถึง 8 ศตวรรษ
หลังจากนั้นก็กลับไปสู่การปกครองแบบเดิม เมื่ออิสลามและมุสลิมถูกขับไล่ออกจากเมืองนั้น ส่วนมุสลิมที่เหลืออยู่ก็ถูกบังคับให้ละทิ้งศาสนาของพวกเขา เป็นเวลาห้าศตวรรษ ที่เมือง อันดาลุส ถูกปิดตายสำหรับชาวมุสลิม ร่องรอยต่างๆของอิสลาม ศาสนสถาน และมัสยิดต่างๆ ถูกเปิดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อเข้าชมความสวยงามเท่านั้น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มุสลิมได้มีโอกาสเข้าไปเผยแพร่อิสลามอีกครั้งหนึ่ง มัสยิดต่างๆจึงได้ถูกเปิดขึ้น มีการประกอบศาสนกิจ แต่อยู่ภายใต้กรอบของตะวันตก คือห้าม อะซาน เสียงดัง เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ สมควรที่จะได้นำประวัติศาสตร์การพิชิตเมือง อันดาลุส ของฏอริก อิบนุซิยาด มาเสนอให้ทราบโดยสังเขป
การพิชิตเมือง อันดาลุส ของฏอริก อิบนุซิยาด
ฎอริก อิบนุซิยาด คือใคร ? ฎอริก อิบนุซิยาด คือทาสของมูซา อิบนุนุซอยริ ที่ได้รับการปดปล่อยให้เป็นอิสระ และมูซา อิบนุนุซอยริ ก็เป็นทาสที่ได้รับการปดปล่อยให้เป็นอิสระเช่นกัน มูซา อิบนุนุซอยริ ได้รับการแต่งตั้งจาก อะมีรุ้ลมุอมีนีน วะลีด อิบนุอับดุลมาลิก ให้ไปเปิดเมืองต่างๆ ในโมร็อคโค
ในปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 88 ฏอริก อิบนุซิยาด เป็นคนหนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพิชิตเมืองต่างๆ ท่านมูซา อิบนุนุซอยริ จึงได้มอบความไว้วางใจ และแต่งตั้งให้นำทัพไปเปิดเมืองต่างๆ เช่นเมือง เบอร์ เบอร์ และได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง เมือง ฏอนยะห์
มูซา อิบนุนุซอยริ ได้เห็นว่า ฏอริก อิบนุซยาด นั้นเป็นผู้ที่มีความจริงใจ เป็นผู้ที่มีความทรหด เข้มแข็ง มีจิตใจที่แน่วแน่ เป็นคนพูดเก่ง มีเหตุมีผล สามารถพูดโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังได้อย่างดี มีความบริสุทธิ์ใจในการต่อสู้เพื่ออิสลาม ท่านจึงได้แต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพนำทหารไปเปิดเมือง อันดาลุส
เดือนซะอบาน ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 92 ฏอริก อิบนุซิยาด ได้นำทหารจำนวน 7,000 คนข้ามทะเลเมดิเตอรเรเนียล ไปยังประเทศสเปน ฏอริก ได้ยกมือขอดุอาอต่ออัลลอฮให้ได้รับชัยชนะ และนึกถึงภาพการสู้รบของท่านนบี ทันใดนั้นท่านก็รู้สึกง่วงนอน ท่านจึงหลับไป และได้ฝันเห็นท่านนบี ยืนอยู่ท่ามกลาง ชาวอันศอร และชาวมุฮาญิรีน ที่มีอาวุธพร้อมอยู่ในมือ และท่าน นบี ได้กล่าวแก่ ฏอริกว่า
“ ฏอริก เจ้าจงเดินหน้าเพื่อทำหน้าที่ของเจ้าเถิด”
และฏอริกได้เห็นท่าน นบี และบรรดาสาวกของท่านเดินนำหน้าเข้าเมือง อันดาลุส ไป ฏอริก ตื่นขึ้น และแจ้งข่าวดีให้ทหารของเขาทราบ โดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากอัลลอฮ ให้ได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้
เมื่อทหารของฏอริก ได้เผชิญหน้ากับทหาร ของกษัตริย์ ของสเปน ชื่อรอฎดริก ซึ่งมีกำลังทหาร 70,000 คนเศษ มูซา อิบนุนุซอยริ ได้ส่งทหารไปสมทบกับทหารของฏอริก จำนวน 5,000คน จึงทำให้ทหารของฏอริก มีทั้งสิ้น 12,000 คน ก่อนทีจะทำการสู้รบ ฏอริก ได้กล่าวคำปราศรัย แก่เหล่าทหารหาญของเขาว่า
“ ท่านพี่น้องทั้งหลาย ขณะนี้ไม่มีทางหนีอีกแล้ว ด้านหน้าพวกท่านคือศัตรู ส่วนด้านหลังของพวกท่านคือทะเล ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ไม่มีสิ่งใดสำหรับพวกท่านอีกแล้ว นอกจากความจริงใจ และความอดทน
พวกท่านทั้งหลายพึงทราบไว้ด้วยเถิดว่า ฐานะของพวกท่านขณะนี้ มันหนักหนายิ่งกว่าเด็กกำพร้าที่ร่วมโต๊ะอาหารกับคนเลวๆ พวกศัตรูได้เตรียมต้อนรับพวกท่านด้วยกำลังพล กำลังอาวุธ และอาหารที่สมบูรณ์ ส่วนพวกท่านทั้งหลายนั้น ไม่มีอะไรนอกจากดาบที่อยู่ในมือของพวกท่านเท่านั้น
พวกท่านจะไม่มีอาหารกิน นอกจากที่จะได้มาจากศัตรูของพวกท่าน ถ้าหากว่าการสู้รบในครั้งนี้ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ในสภาพที่พวกท่านยังต้องการปัจจัยเช่นนี้ และพวกท่านไม่สาสมารถทำอะไรศัตรูได้ แน่นอนเหลื่อเกินว่า ความแข็งแกร่งของพวกท่านก็จะหมดไป ความหวาดกลัวและความหวั่นไหวก็จะเข้ามาแทนที่ ท่านทั้งหลายต้องกล้าหาญ ต้องอดทน ต้องขจัดความต่ำต้อยของความพ่ายแพ้ที่จะเกิดขึ้นกับพวกท่านไปให้ได้ ด้วยการเอาชนะพวกศัตรู โอกาสจะเป็นของพวกท่าน หากพวกท่านกล้าสู้ตายในการรบ
ฉันขอเตือนพวกท่าน หาใช่ว่าฉันจะไม่ประสบกับปัญหาต่างๆเหล่านี้ สิ่งที่พวกท่านกำลังกระทำอยู่นี้ มันมีผลตอบแทนอย่างมหาศาล และฉันก็ขอเริ่มด้วยตัวของฉันเป็นอันดับแรก พวกท่านทั้งหลายต้องทราบไว้ด้วยว่าหากพวกท่านอดทนต่อความลำบากเพียงเล็กน้อยในขณะนี้ พวกท่านก็จะสุขสบายในภายภาคหน้าไปอย่างยาวนาน หมู่เกาะแห่งนี้ท่านทั้งหลายก็ทราบดี มันเต็มไปด้วยสาวสวยที่มาจากประเทศกรีก แต่งกายประดับประดาด้วยไข่มุกเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ล้วนแล้วแต่มีค่า พวกนางเหล่านั้นได้นั่งอยู่ในห้องของพระราชาที่สวมมงกุฎอันล้ำค่า
ท่านวะลีดอิบนุอับดุลมาลิก ได้เลือกพวกท่านมาเพื่อเป็นวีรบุรุษที่เป็นชาวอาหรับ และท่านก็พอใจที่จะให้พวกท่านเป็นเขยของกษัตริย์ในเกาะแห่งนี้ เพื่อที่วะลีดจะได้อานิสงค์จากการต่อสู้ของพวกท่าน ในการเผยแพร่ศาสนาของอัลลอฮ์บนเกาะแห่งนี้ ทรัพย์เชลยต่างๆ ที่จะได้จากสงครามครั้งนี้ จะเป็นของพวกท่านเท่านั้น และถ้าหากพวกท่านต้องการสิ่งใดก็ให้แจ้งให้ทราบ ฉันยินดีที่จะมอบให้แก่พวกท่าน และเมื่อเริ่มการสู้รบฉันเองจะเป็นคนบุกไปฆ่าแม่ทัพของศัตรูให้ได้ อินชาอัลลอฮ์"
เมื่อทหารทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกัน อัลลอฮ์ทรงให้ทหารของมุสลิมได้รับชัยชนะ ทหารของกาเฟรได้พ่ายแพ้ กษัตริย์รอฎดริก ถูก ฆ่าตาย ในการสู้รบครั้งนี้ อัลลอฮทรงช่วยเหลือทหารของมุสลิม โดยทำให้ทหารของฝ่ายศัตรู เกิดความขัดแย้ง แตกแยก โกรธเคืองซึ่งกันและกัน และพวกยะฮูดีก็ได้เข้าไปมีอำนาจเหนือพวกเขาเหล่านั้น และอัลลอฮยังได้ให้ฝนลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก อันเป็นการช่วยให้ทำให้เสียงการเคลื่อนทัพของทหารม้าเบาลง จึงทำให้ศัตรูไม่รู้ตัว กองทัพของฏอริกจึงบุกเข้าไปยึดเมือง ตุไลติละห์ และเมือกุรฏุบะห์ได้ และยังได้ติดตามขับไล่ศัตรูไปจนถึงทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอันดาลุส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น